Thursday, October 3, 2019

การฝึกกัดลายเชคเกอร์ด้วย checkering tool

ก่อนที่เราจะเริ่มกัดลายเชคเกอร์นั้นควรเตรียมความพร้อมในเรื่องของเครื่องมือเสียก่อน
เครื่องมือนั้นอาจจะหายากในไทย ผมแนะนำให้สั่งเครื่องมือจากต่างประเทศมาจะดีกว่า
เพราะมันได้มาตราฐานและของที่สั่งส่วนใหญ่จะจัดมาให้เป็นชุดเพียงพอกับการใช้งานอยู่แล้ว
คนที่ยังไม่ได้อ่านบทความเกี่ยวกับการทำความรู้จักเครื่องมือสามารถอ่านได้ตาม link นี้

ขั้นตอนการฝึก

-  การสร้าง master line เป็นขั้นตอนแรกและเป็นขั้นตอนที่สำคัญมาก หากสร้าง master line พลาด
การกัดลายจะพลาดไปทั้งหมด  ให้ใช้ checkering gauge วางบนบริเวณที่ต้องการจะกัดลายเชคเกอร์
แล้วใช้ดินสอขีดเส้น master line


- กัด master line ใช้ V edger ค่อยๆขูดตามรอย master line พยายามอย่ายกหัว V edger เพื่อความต่อเนื่องของรอย ใช้น้ำหนักมือเบาๆ ค่อยขูดตามรอยบางๆจนรอยเริ่มลึก พยายามตั้งหัวกัดให้ตรงอย่าให้เอียงเด็ดขาด


- การขึ้นแถวใหม่  หลังจากได้ master line แล้ว ให้ใช้ 2 Edge spacer ข้างใดข้างนึงวางในร่อง master line
ใช้น้ำหนักมือที่เบากัด และคิดไว้เสมอว่าอย่ารีบร้อน หากขั้นตอนนี้พลาดจะแก้ไขได้ยากถ้าใช้น้ำหนักมือมากและรีบร้อน   เวลากัดให้กดน้ำหนักมือไปทาง master line มากกว่า  ลงมือกัดไปเรื่อยๆจนเริ่มได้รูป diamond 


- ขัดรูป diamond ให้คม ลายเชคเกอร์จะสวยหรือไม่ขึ้นอยู่กับขั้นตอนนี้ หลังจากใช้ 2 Edge spacer กัดลายที่ต้องการแล้วจะเห็นว่าลายยังไม่คม ให้ใช้ Pointer ขัดตามลอย เวลาขัดให้ออกเเรงขัดในทิศทางเดียว
ออกแรงขัดให้สม่ำเสมอและไม่เอียงหัวกัดเด็ดขาด เพราะลายจะไม่สมมาตร



หลังจากผ่านขั้นตอนทั้งหมดนั่นก็ถือว่าเสร็จสิ้นการกัดลาย มือให้ควรลองฝึกกับไม้แผ่นแบนเสียก่อน
เมื่อฝึกจนชำนาญแล้วค่อยเริ่มกับประกับปืนจริงๆ



Wednesday, October 2, 2019

ทำความรู้จักกับ Checkering tool
















Checkering tool    คือ เครื่องมือที่ใช้สำหรับกัดลาย diamond บนด้ามปืนเพื่อความสวยงาม
และเพื่อให้ผู้ใช้ปืนจับได้อย่างมั่นคง Checkering tool นั้นมีด้วยกัน
หลายลักษณะ และเครื่องมือแต่ละตัวนั้นก็มีการใช้งานที่แตกต่างกันออกไป
นอกจากจะมีหลายลักษณะแล้ว ยังมีหลายขนาดอีกด้วย



ชนิดของ Checkering tool


-  Saw type Checkering tool  ใช้กัดลายได้ทั้งการออกแรงผลักไปด้านหน้า

และดึงกลับมาด้านหลัง Saw type Checkering tool ส่วนใหญ่จะมีขนาด 60 องศา กับ 90 องศา
Saw type Checkering tool


-  File type Checkering tool เครื่องมือชนิดนี้ออกแรงกัดลายได้แค่ทางเดียว
File type Checkering tool

ขนาดของ Checkering tool  

  Checkering tool  ถูกกำหนดขนาดตามจำนวนของแถวที่สามารถกัดได้ภายใน 1 นิ้ว
  เช่น Checkering tool  16 LPI    ซึ่ง LPI นั้นย่อมาจาก line per inch  
  เครื่องมือนี้สามารถกัดจำนวนแถวได้ 16 แถวใน 1 นิ้ว  
  Checkering tool  นั้นมีขนาดตั้งแต่ 16 LPI จนถึง 32 LPI
  
ลาย diamond ที่กัดจาก checkering tool 18 LPI






ชื่อของเครื่องมือต่างๆ ที่จำเป็นต้องรู้ในงานเชคเกอร์

          V edger        ใช้สำหรับกัดลายเพียงเส้นเดียวหรือกัดลายมาสเตอร์ไลน์(master line)
เครื่องมือชิ้นนี้สามารถกัดเอาไม้ออกไปได้อย่างรวดเร็ว
V edger 

                2 Edge spacer     ใช้สำหรับขึ้นแถวเส้นใหม่หลังจากใช้ V edger กัด master line แล้ว
ดูจากรูปร่างมันก็คือ V edger แต่มันมี 2 ฟัน   Edge spacer นั้นมีตั้งแต่ 2 ฟันไปจนถึง 4
 2 Edge spacer 

       Pointer ชนิด long    ใช้สำหรับกัดให้ลาย diamond นั้นคมชัดหลังจากที่ใช้ Edge spacer แล้ว
Pointer ชนิด long

                  checkering gauge       ใช้สำหรับกำหนดอัตราส่วนของ diamond ว่าให้มีความกว้างยาว เท่าไหร่ นอกจากใช้วัดอัตราส่วน diamond แล้วยังใช้วัด LPI ของลายเชคเกอร์อีกด้วย
checkering gauge





Friday, June 21, 2019

การแปะลายบนพานท้ายปืน

การแปะลายบนพานท้ายปืนด้วย Blender

การแปะลายบนวัตถุต่างใน blender จำเป็นที่จะต้องมีเทคนิคการใช้งาน
หรือใช้คำสั่งหลายตัวเช่น mesh deform , shrink warp
เนื่องจากมันสามารถปรับแต่งลวดลายได้ค่อนข้างมาก
แต่ถ้าหากใช้มันอย่างชำนาญได้แล้ว จะสามารถประยุกต์ใช้กับงานอื่นๆได้หลายแบบ
อีกทั้งยังนำไปใช้เชิงพาณิชย์ได้ เนื่องจากเป็นโปรแกรม opensource 

รับชมขั้นตอนการใช้งานคำสั่ง shrink warp และ mesh deform ได้ตาม link นี้
https://www.youtube.com/watch?v=zUxjbsiTmjs&t=1s








Wednesday, May 29, 2019

การหาความเร็วลม

ในการยิงเป้าหมายในระยะทางไกลๆ ค่าความเร็วลมจะมีผลต่อจุดตกของกระสุนมาก ในบทความนี้จะสอนเรื่องการหาความเร็วของลมในกรณีที่ไม่มี windmeter
ก่อนที่จะเริ่มบทเรียนนี้ ควรอ่านบทความเรื่อง องศาของลม Full value และ Half value เสียก่อน
ในการหาค่าความเร็วลมนอกจากจะใช้ windmeter แล้วยังสามารถหาความเร็วด้วยการสังเกตสิ่งรอบๆตัวเช่น ควัน การเคลื่อนไหวของใบไม้ หรือแม้กระทั่ง ภาพ mirage


การหาความเร็วลมโดยการสังเกตสิ่งต่างๆรอบตัว

-  ความเร็ว  1 -3      mph    ควันเคลื่อนที่ไปตามทางลม ใบไม้และใบหญ้ากระดิก
-  ความเร็ว  4 -7      mph    รู้สึกได้ว่ามีลมพัดมาโดนร่างกาย ได้ยินเสียงใบไม้เคลื่อนไหว ต้นหญ้าเคลื่อนไหว
-  ความเร็ว  8 -12    mph     ก้านของใบไม้และยอดไม้เคลื่อนไหว กระดาษเคลื่อนที่
-  ความเร็ว  13 -18  mph     กิ่งขนาดเล็กเคลื่อนไหว ฝุ่นและกระดาษฟุ่งกระจาย
-  ความเร็ว  19 -24  mph     กิ่งใหญ่ของต้นไม้และต้นไม้ขนาดเล็กเริ่มเคลื่อนไหว มีกลุ่มของฝุ่นพัดกระจาย
-  ความเร็ว  25 -31  mph     กิ่งใหญ่ของต้นไม้เคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง ได้ยินเสียงสมพัดเหมือนกับการเป่าลมออกจากปาก
-  ความเร็ว  32+      mph     ต้นไม้เคลื่อนไหวตามแรงลม และรู้สึกว่าเดินลำบาก


การหาความเร็วลมโดยการสังเกตองศาของธง

ความเร็วลม mph = องศาของธง 
                                       4


นอกจากนี้ยังสามารถหาความเร็วลมและทิศทางลมได้จากภาพ mirage ซึ่งจะสอนในความความถัดไปเนื่องจาก mirage มีเนื้อหาค่อนข้างเยอะและต้องสอนอย่างละเอียด

Wednesday, April 17, 2019

องศาของลม Full value และ Half value

ในบทความที่แล้วได้อธิบายเกี่ยวกับลม ว่ามีผลอย่างไรกับ BALLISTIC ของกระสุน ในบทความนี้จะอธิบายเกี่ยวกับองศาของลม
ก่อนจะอ่านบทความเรื่องนี้ควรอ่านบทความเรื่องการคำนวณลมตาม link นี้ก่อน  https://gncarver-man.blogspot.com/2019/03/ffp-moa.html
องศาของลม

องศาของลมนั้นมีผลกับ BALLISTIC ของกระสุนมากพอๆกับความเร็วลม และยังเป็นสิ่งที่พลแม่นปืน
จำเป็นต้องรู้ โดยสูตรคำนวณด้านล่างเป็นสูตรแบบง่ายๆและเหมาะกับการใช้งานแบบคร่าวๆและรวดเร็ว
ลองจินตนาการว่าตัวเราเองอยู่กึ่งกลางของนาฬิกา  ด้านหน้าเป็นเลข 12 ด้านหลังเป็นเลข 6 ตามภาพ

หากทิศทางลมพัดมาทางด้านเลข 3 และ 9 จะเรียกว่า Full value หรือหมายความว่าลมมีผลเต็มที่
หลังจากที่เรารู้ MOA ของลมที่มีผลต่อกระสุนแล้ว ไม่ต้องนำผลลัพธ์มาหาร

ยกตัวอย่าง
  ระยะทาง  800 เมตร ความเร็วลม 10 mph  ทิศ 9 นาฬิกา จะได้

     8  x  10     =   6.15  MOA     เล็งเผื่อหรือปรับศูนย์ตามทางลม 6.15 MOA
         13



หากทิศทางลมพัดมาทางด้านเลข 1,2,4,5,7,8,10 และ 11 จะเรียกว่า Half value 
หรือหมายความว่าลมมีผลเพียงแค่ครึ่งเดียวหลังจากที่เรารู้ MOA ของลมที่มีผลต่อกระสุนแล้ว ต้องนำผลลัพธ์มาหาร 2 

ยกตัวอย่าง
  ระยะทาง  800 เมตร ความเร็วลม 10 mph  ทิศ 2 นาฬิกา จะได้

     8  x  10     x   1  =   3.07  MOA     เล็งเผื่อหรือปรับศูนย์ตามทางลม 3.07 MOA
         13              2

สูตรข้างต้นอาจจะใช้กับปืนหรือกระสุนได้ไม่ครอบคลุมทุกประเภทเนื่องจากสูตรนี้ใช้กับปืน M24 ที่ใช้กระสุนชนิด M80 และ M118  
แต่หลักการคำนวณนั้นเหมือนกันผมจึงยกตัวอย่างเพื่อให้ผู้อ่านสามารถนำไปประยุกต์ใช้กับปืนของตนเองได้ 

Thursday, March 28, 2019

การคำนวณลมด้วยศูนย์เล็งกล้อง FFP แบบ MOA

ก่อนจะเข้าสู่บทเรียนเรื่องลม ผู้อ่านคนไหนยังไม่ได้อ่านเรื่องการใช้ศูนย์เล็งกล้อง FFP แบบ MOA
ให้ไปอ่านบทความตามลิ้งนี้ก่อน จึงจะเข้าสู่บทความเรื่องลม

https://gncarver-man.blogspot.com/2019/03/moa.html



ในการคำนวณลมนั้น มันไม่มีสูตรในการคำนวณที่ตายตัว เนื่องจากมีปัจจัยหลายอย่างมาเกี่ยวข้อง
จนไม่สามารถคำนวณสูตรตายตัวได้ เช่น  น้ำหนักของกระสุน ระยะหมุนครบรอบของเกลียวในลำกล้อง ความเร็วต้นของกระสุน 
พลปืนแต่ละคนอาจจะมีสูตรที่คิดขึ้นมาเองโดยไม่ซ้ำกับใครก็มี
ในบทความนี้จะยกตัวอย่างแบบคร่าวๆ เพื่อให้ทุกคนนำไปประยุกต์ใช้ได้สะดวก


Ballistic chart ของกระสุน .308 Winchester น้ำหนัก 168 grain 

RangeElevationElevationWindageWindageTimeEnergyVel[x+y]
(yd)(in)(MOA)(in)(MOA)(s)(ft.lbf)(ft/s)
0-1.500.000.030.000.0027202700
25-0.642.450.080.290.0326252652
50-0.100.200.210.400.0625332605
750.11-0.150.430.550.0924432559
1000.000.000.750.720.1223562513
125-0.450.351.160.890.1522722468
150-1.270.811.671.060.1821902423
175-2.451.342.291.250.2121102378
200-4.021.923.001.430.2420322334
225-5.992.543.821.620.2719572290
250-8.373.194.751.810.3018842247
275-11.183.885.802.010.3418132204
300-14.444.596.952.210.3717442162
325-18.165.338.232.420.4116772120
350-22.376.109.632.630.4416122079
375-27.086.8911.162.840.4815492038
400-32.317.7112.813.060.5214881997
425-38.098.5614.603.280.5614291957
450-44.449.4316.533.510.5913721918
475-51.3710.3318.593.740.6313171879
500-58.9311.2520.803.970.6712641841
ในช่อง Windage (in) จะมีค่าตัวเลขที่ต่างกันในแต่ละระยะทาง ค่าในช่องนี้หมายถึง 
จุดตกของกระสุนที่เบี่ยงเบนออกจากเป้าเนื่องจากกระแสลม 
ในตารางด้านบนมันค่อนข้างสะดวกเนื่องจากมันคำนวณจุดตกให้เรียบร้อยแล้ว 
ที่เหลือก็แค่ปรับศูนย์ หรือ เล็งเผื่อตามค่าในตารางเท่านั้น 


นอกจากดูตาม Ballistic chart เราสามารถใช้สูตรคำนวณคร่าวๆได้ตามนี้

ระยะทางในหน่วย 100 หลา x ค่าเบี่ยงเบนกระสุนที่ความเร็วลม 1 mph (หน่วยเป็นนิ้ว)  =  ระยะที่กระสุนเบนออกจากเป้า ( หน่วยเป็นนิ้ว )
                     
อธิบายสูตรด้านบน     

- ระยะทางในหน่วย 100 หลา คือ เลขหน้าของระยะทาง เช่น ระยะ 800 หลา มีค่าเป็น 8 , ระยะทาง 1100 หลามีค่าเป็น 11

ค่าเบี่ยงเบนกระสุนที่ความเร็วลม 1 mph (หน่วยเป็นนิ้ว) คือ ระยะที่กระสุนถูกลมความเร็ว 1 mhp 
พัดออกจากเป้าในระยะทางต่างๆแล้ววัดออกมาเป็นหน่วยนิ้ว   
ค่านี้ในกระสุนแต่ละชนิดมีไม่เท่ากัน และ ในแต่ละระยะทางก็มีอัตราส่วนไม่เท่ากัน
 ยิ่งไกลมากยิ่งมีค่ามากตามไปด้วย วิธีหาค่าสามารถหาได้จากเว็บคำนวณ Ballistic chart 


เนื่องจากสูตรคำนวณลมของกระสุนแต่ละชนิดไม่เหมือนกัน ผมจะยกตัวอย่างสูตรของกระสุน M80
ตาม *FM 3-05.222  (TC 31-32) Special Forces Sniper Training and Employment


ระยะทางในหน่วย 100 เมตร x ความเร็วลมที่มีหน่วยเป็น mph     =    MOA  ของลม
                           ค่าแปรผันตามระยะทาง


ระยะทาง        100 - 500     เมตร  ค่าแปรผันตามระยะทาง มีค่าเท่ากับ   15
ระยะทาง       600               เมตร  ค่าแปรผันตามระยะทาง มีค่าเท่ากับ   14
ระยะทาง       700 - 800     เมตร  ค่าแปรผันตามระยะทาง มีค่าเท่ากับ   13
ระยะทาง       900              เมตร  ค่าแปรผันตามระยะทาง มีค่าเท่ากับ   12
ระยะทาง       1000            เมตร  ค่าแปรผันตามระยะทาง มีค่าเท่ากับ   11

ยกตัวอย่าง    ระยะทาง  800 เมตร ความเร็วลม 10 mph  จะได้

     8  x  10     =   6.15  MOA     เล็งเผื่อหรือปรับศูนย์ตามทางลม 6.15 MOA
         13



นอกจากการคำนวณลมแล้วยังต้องคำนวณทิศทางของลมที่พัดมาอีก 
ผมจะเขียนเรื่องทิศทางและการวัดความเร็วลมในบทความต่อไป









Sunday, March 24, 2019

การยิงปืนด้วยศูนย์เล็งกล้อง FFP แบบ MOA ในระยะไกล

ก่อนที่เราจะพูดถึงการใช้งานศูนย์เล็งกล้องแบบ MOA เราควรจะรู้ก่อนว่า  crosshair ในศูนย์เล็งกล้องที่ถูกใช้ในกองทัพและการล่าสัตว์นั้นหลักๆก็มี 2 ชนิดคือ MILDOT , MOA ยังมีตัวอื่นอีกแต่ผมจะยกตัวอย่างให้ง่ายๆ และสามารถนำไปปรับใช้กับศูนย์เล็งกล้องชนิดต่างๆได้


MOA คืออะไร

MOA นั้นย่อมาจาก minute of angle ซึ่งถ้าจะให้เข้าใจง่ายๆ มันก็คือหน่วยย่อยขององศาที่เราเรียนกันในวิชาคณิตศาสตร์นั่นแหละ     หลายคนอาจสงสัยว่า minute มันแปลว่านาทีมันเกี่ยวอะไรกับองศา
ให้คิดว่า 1 นาทีมีค่าเท่ากับ 60 วินาที  MOA ก็เช่นกัน    1 MOA มีค่าเท่ากับ 1 องศาหารด้วย 60
หรือเอาที่เข้าใจง่ายๆ 1 องศาจะมี 60 MOA เขาถึงเรียกว่า minute of angle

มีคนถามผมมาว่าทำไมองศาในคณิตศาสตร์ถึงเกี่ยวกับการใช้ศูนย์เล็งกล้องผมจึงจำเป็นต้องอธิบายหลักการขีปณวิถีให้เข้าใจว่าองศาที่เปลี่ยนไปนั้นมีผลต่อระยะทางของกระสุน
ทุกคนรู้ว่าโลกเรามีแรงดึงดูด เมื่อเราขว้างก้อนหินออกไปจะตกลงพื้นแบบการเคลื่อนที่ Projectile
หรือเคลื่อนที่แบบโค้งลงนั่นแหละครับ ปืนก็เช่นกันเมื่อยิงไปแล้วกระสุนจะโค้งลงพื้นเนื่องจากแรงดึงดูด
ถ้าหากเราเงยองศาของลำกล้องปืนขึ้นกระสุนจะยิงไปได้ไกลกว่าเดิม ไกลที่สุดประมาณ 45 องศา ถ้ามากกว่านั้นระยะทางจะค่อยๆลดลง

เมื่ออ่านมาถึงบรรทัดนี้เราก็มาเข้าเนื้อหากันเลย ถ้าใครยังไม่เข้าใจบรรทัดด้านบนก็กลับไปอ่านจนกว่าจะเข้าใจเพราะหลังจากนี้จะเป็นการสอนคำนวณล้วนๆเลย

อย่างที่กล่าวไปกระสุนเดินทางเป็นเส้นโค้งเมื่อเรายิงเป้าหมายที่เกินระยะ zero distance มันจึงตกลงต่ำกว่าเป้า แล้วเราจะรู้ได้ยังไงว่าปืนและกระสุนที่เราใช้อยู่นั้นมีขีปณวิถีเป็นอย่างไร คำตอบก็คือ เราต้องคำนวณค่า Ballisctic chart แต่เราไม่จำเป็นต้องคำนวณเองพวกฝรั่งเขาทำเว็บคำนวณให้เราแล้วลองค้นหาคำว่า Ballistic Calculators เน็ตดู ค่า Ballistic นั้นจะต้องใช้ความเร็วต้นของกระสุนมาคำนวณและยังมีรายละเอียดยิบย่อยอย่างเช่น ทรงของกระสุน ลม ความชื้น ค่า bullet spin drift น้ำหนักกระสุน องศาที่ยิงบนที่สูงหรือต่ำกว่าเป้าหมาย และอีกมากมายเดี๋ยวผมจะอธิบายทีหลังในตอนนี้มาทำความเข้าใจการปรับศูนย์ก่อน

เมื่อเรามองเข้าไปในศูนย์เล็งกล้องแบบ MOA เราจะเห็นว่ามีขีดเหมือนไม้บรรทัด 1 ช่องมีค่าเท่ากับ 1 MOA หรือกล้องบางรุ่นอาจจะมีค่าเท่ากับ 2 MOA หรือมากน้อยกว่านั้นก็แล้วแต่คนออกแบบ
MOA ด้านล่างและบนใช้วัดจุดตกกระสุน  MOA  ด้านซ้ายและขวาใช้แก้ทางลม (เดี๊ยวผมจะเขียนบทความอธิบายเรื่องลมภายหลัง )
นอกจากจะใช้แก้จุดตกกระสุนแล้ว MOA ยังใช้วัดระยะทางเป้าหมาย ความสูงเป้าหมาย ได้อีกด้วย





ถ้าหากเราใช้ MOA วัดความสูงที่เป้า ทุกคนจำเป็นต้องรู้ว่า  1 MOA ที่ระยะทาง 100  หลา ( อย่าจำสับสนกับเมตรเด็ดขาด ) มีค่าเท่ากับ 1.047 นิ้ว หรือถ้าจะให้คำนวณง่ายเขาจะตัดเศษออก เป็น 1 นิ้วแทน ถ้าไม่เชื่อลองเอาไม้บรรทัดขีดเส้นบนกระดาษช่องละ 1 นิ้วไปตั้งที่ระยะห่างจากตนเอง 100 หลาดูแล้วส่อง 1 ช่อง MOA จะเท่ากับ 1 นิ้วพอดี


แต่ถ้าหากระยะไกลกว่านั้น 1 MOA จะมีค่าที่มากกว่า 1 นิ้วตามตารางด้านล่าง




มันก็คือวิชาคณิตศาสตร์เรื่องสามเหลี่ยมคล้ายดีๆนี่เอง

ต่อมาเป็นการอธิบายการเล็งชดเชยจุดตกของกระสุนโดยมีแค่การคำนวณแรงดึงดูดเพียงอย่างเดียวและไม่มีปัจจัยอื่นๆมาใช้ในการคำนวณ

ผมขอยกตัวอย่างค่า Ballistic chart ของกระสุน .308 Winchester น้ำหนัก 168 grain


RangeElevationElevationWindageWindageTimeEnergyVel[x+y]
(yd)(in)(MOA)(in)(MOA)(s)(ft.lbf)(ft/s)
0-1.500.000.030.000.0027202700
25-0.642.450.080.290.0326252652
50-0.100.200.210.400.0625332605
750.11-0.150.430.550.0924432559
1000.000.000.750.720.1223562513
125-0.450.351.160.890.1522722468
150-1.270.811.671.060.1821902423
175-2.451.342.291.250.2121102378
200-4.021.923.001.430.2420322334
225-5.992.543.821.620.2719572290
250-8.373.194.751.810.3018842247
275-11.183.885.802.010.3418132204
300-14.444.596.952.210.3717442162
325-18.165.338.232.420.4116772120
350-22.376.109.632.630.4416122079
375-27.086.8911.162.840.4815492038
400-32.317.7112.813.060.5214881997
425-38.098.5614.603.280.5614291957
450-44.449.4316.533.510.5913721918
475-51.3710.3318.593.740.6313171879
500-58.9311.2520.803.970.6712641841
Elevation คือ ค่าของจุดตกกระสุนที่แรงดึงดูดกระทำต่อกระสุนในแนวพุ่งเข้าหาจุดศูนย์กลางแรงดึงดูดหรือพูดง่ายๆก็คือ ค่ากระสุนตกจาก zero distance ระยะยิ่งมากยิ่งตกลงมาก

ดูแค่ช่อง Elevation ( in ) ก่อน ช่องอื่นจะสอนในบทความต่อไป  จะเห็นว่า ที่ระยะ 100 หลา ช่อง Elevation มีค่าเท่ากับ 0 หรือก็คือ เรา zero distance ไว้ที่ระยะนี้ เลื่อนลงมาเรื่อยจนถึงระยะ 200 หลา จะเห็นว่ามีค่าเท่ากับ -4.02 นิ้ว หรือก็คือกระสุนตกลงจากเป้าที่เล็ง 4.02 นิ้ว ถ้าจะยิงให้ตรงเป้าต้องเล็งสูงขึ้นอีก 4.02 นิ้ว เอาง่ายๆ เอาเป็น 4 นิ้วก็แล้วกัน แล้วเราจะรู้ได้ยังไงว่าระยะ MOA เท่าไหร่มีค่าเท่ากับ 4 นิ้ว ให้ย้อนกลับไปดูตาราง Size of MOA ด้านบนจะเห็นว่าที่ระยะ 200 หลา 1 ช่อง MOA มีค่าเท่ากับ 2 นิ้ว ถ้าเราต้องเล็งเผื่อ 4 นิ้วจะต้องใช้กี่ MOA ลองคำนวณดู


คำตอบคือ 2 MOA ลองดูในช่อง Elevation ( moa ) จะเห็นว่าช่องนี้ที่ 200 หลา เท่ากับ 1.92 ใกล้เคียงกับ 2 ไหม ที่ไม่ตรงกันเพราะว่าในตารางใช้  1 MOA ที่ระยะ 100 หลามีค่าเท่ากับ 1.047  ตามที่กล่าวไว้ข้างต้น ลองคำนวณแบบไม่ตัดเศษออกดู จะได้ 1.047 x 2 x 1.92 = 4.02048  ตรงเป๊ะ


อธิบายขยายความ ว่าตัวเลขมาจากไหน 

1.047 มาจาก 1 MOA ที่ระยะ 100 หลา มีค่าเท่ากับ 1.047





2 มาจากระยะที่ต้องการยิงที่ 200 หลา ตัดเอาแค่เลขด้านหน้ามา 


( ตามสูตร  ระยะตกของกระสุนตาม   Ballistic chart )  = ระยะ MOA ชดเชย

                1.047   x เลขหน้าของระยะเป้าหมาย


1.92  มาจากค่า   Elevation ( moa ) ตามตาราง Ballistic chart 



ผมจะยกตัวอย่างการยิงที่ระยะ 500 หลาแล้วลองคำนวณดูเพื่อให้เข้าใจมากขึ้น


ตามสูตร      ระยะตกของกระสุนตาม Ballistic chart    = ระยะ MOA ชดเชย
                 1.047   x เลขหน้าของระยะเป้าหมาย


จะได้            58.93           =    11.25692    

                     1.047  x     5

ในตารางเขียนค่า 11.25 หรือก็คือเล็งเผื่อ 11.25 ช่อง MOA นั่นเอง