ก่อนที่เราจะเริ่มกัดลายเชคเกอร์นั้นควรเตรียมความพร้อมในเรื่องของเครื่องมือเสียก่อน
เครื่องมือนั้นอาจจะหายากในไทย ผมแนะนำให้สั่งเครื่องมือจากต่างประเทศมาจะดีกว่า
เพราะมันได้มาตราฐานและของที่สั่งส่วนใหญ่จะจัดมาให้เป็นชุดเพียงพอกับการใช้งานอยู่แล้ว
คนที่ยังไม่ได้อ่านบทความเกี่ยวกับการทำความรู้จักเครื่องมือสามารถอ่านได้ตาม link นี้
ขั้นตอนการฝึก
- การสร้าง master line เป็นขั้นตอนแรกและเป็นขั้นตอนที่สำคัญมาก หากสร้าง master line พลาด
การกัดลายจะพลาดไปทั้งหมด ให้ใช้ checkering gauge วางบนบริเวณที่ต้องการจะกัดลายเชคเกอร์
แล้วใช้ดินสอขีดเส้น master line
- กัด master line ใช้ V edger ค่อยๆขูดตามรอย master line พยายามอย่ายกหัว V edger เพื่อความต่อเนื่องของรอย ใช้น้ำหนักมือเบาๆ ค่อยขูดตามรอยบางๆจนรอยเริ่มลึก พยายามตั้งหัวกัดให้ตรงอย่าให้เอียงเด็ดขาด
- การขึ้นแถวใหม่ หลังจากได้ master line แล้ว ให้ใช้ 2 Edge spacer ข้างใดข้างนึงวางในร่อง master line
ใช้น้ำหนักมือที่เบากัด และคิดไว้เสมอว่าอย่ารีบร้อน หากขั้นตอนนี้พลาดจะแก้ไขได้ยากถ้าใช้น้ำหนักมือมากและรีบร้อน เวลากัดให้กดน้ำหนักมือไปทาง master line มากกว่า ลงมือกัดไปเรื่อยๆจนเริ่มได้รูป diamond
- ขัดรูป diamond ให้คม ลายเชคเกอร์จะสวยหรือไม่ขึ้นอยู่กับขั้นตอนนี้ หลังจากใช้ 2 Edge spacer กัดลายที่ต้องการแล้วจะเห็นว่าลายยังไม่คม ให้ใช้ Pointer ขัดตามลอย เวลาขัดให้ออกเเรงขัดในทิศทางเดียว
ออกแรงขัดให้สม่ำเสมอและไม่เอียงหัวกัดเด็ดขาด เพราะลายจะไม่สมมาตร
หลังจากผ่านขั้นตอนทั้งหมดนั่นก็ถือว่าเสร็จสิ้นการกัดลาย มือให้ควรลองฝึกกับไม้แผ่นแบนเสียก่อน
เมื่อฝึกจนชำนาญแล้วค่อยเริ่มกับประกับปืนจริงๆ
รับงานแกะสลักไม้ด้วยเครื่อง cnc ของตกแต่งบ้าน สนใจติดต่อ 092-0280300
Thursday, October 3, 2019
Wednesday, October 2, 2019
ทำความรู้จักกับ Checkering tool

Checkering tool คือ เครื่องมือที่ใช้สำหรับกัดลาย diamond บนด้ามปืนเพื่อความสวยงาม
และเพื่อให้ผู้ใช้ปืนจับได้อย่างมั่นคง Checkering tool นั้นมีด้วยกัน
หลายลักษณะ และเครื่องมือแต่ละตัวนั้นก็มีการใช้งานที่แตกต่างกันออกไป
นอกจากจะมีหลายลักษณะแล้ว ยังมีหลายขนาดอีกด้วย
ชนิดของ Checkering tool
- Saw type Checkering tool ใช้กัดลายได้ทั้งการออกแรงผลักไปด้านหน้า
และดึงกลับมาด้านหลัง Saw type Checkering tool ส่วนใหญ่จะมีขนาด 60 องศา กับ 90 องศา
![]() |
Saw type Checkering tool |
- File type Checkering tool เครื่องมือชนิดนี้ออกแรงกัดลายได้แค่ทางเดียว
![]() |
File type Checkering tool |
ขนาดของ Checkering tool
Checkering tool ถูกกำหนดขนาดตามจำนวนของแถวที่สามารถกัดได้ภายใน 1 นิ้ว
เช่น Checkering tool 16 LPI ซึ่ง LPI นั้นย่อมาจาก line per inch
เครื่องมือนี้สามารถกัดจำนวนแถวได้ 16 แถวใน 1 นิ้ว
Checkering tool นั้นมีขนาดตั้งแต่ 16 LPI จนถึง 32 LPI
ลาย diamond ที่กัดจาก checkering tool 18 LPI
ชื่อของเครื่องมือต่างๆ ที่จำเป็นต้องรู้ในงานเชคเกอร์
V edger ใช้สำหรับกัดลายเพียงเส้นเดียวหรือกัดลายมาสเตอร์ไลน์(master line)
เครื่องมือชิ้นนี้สามารถกัดเอาไม้ออกไปได้อย่างรวดเร็ว
![]() |
V edger |
2 Edge spacer ใช้สำหรับขึ้นแถวเส้นใหม่หลังจากใช้ V edger กัด master line แล้ว
ดูจากรูปร่างมันก็คือ V edger แต่มันมี 2 ฟัน Edge spacer นั้นมีตั้งแต่ 2 ฟันไปจนถึง 4
![]() |
2 Edge spacer |
Pointer ชนิด long ใช้สำหรับกัดให้ลาย diamond นั้นคมชัดหลังจากที่ใช้ Edge spacer แล้ว
![]() |
Pointer ชนิด long |
checkering gauge ใช้สำหรับกำหนดอัตราส่วนของ diamond ว่าให้มีความกว้างยาว เท่าไหร่ นอกจากใช้วัดอัตราส่วน diamond แล้วยังใช้วัด LPI ของลายเชคเกอร์อีกด้วย
![]() |
checkering gauge |
Friday, June 21, 2019
การแปะลายบนพานท้ายปืน
การแปะลายบนพานท้ายปืนด้วย Blender
การแปะลายบนวัตถุต่างใน blender จำเป็นที่จะต้องมีเทคนิคการใช้งาน
หรือใช้คำสั่งหลายตัวเช่น mesh deform , shrink warp
เนื่องจากมันสามารถปรับแต่งลวดลายได้ค่อนข้างมาก
แต่ถ้าหากใช้มันอย่างชำนาญได้แล้ว จะสามารถประยุกต์ใช้กับงานอื่นๆได้หลายแบบ
อีกทั้งยังนำไปใช้เชิงพาณิชย์ได้ เนื่องจากเป็นโปรแกรม opensource
รับชมขั้นตอนการใช้งานคำสั่ง shrink warp และ mesh deform ได้ตาม link นี้
https://www.youtube.com/watch?v=zUxjbsiTmjs&t=1s
การแปะลายบนวัตถุต่างใน blender จำเป็นที่จะต้องมีเทคนิคการใช้งาน
หรือใช้คำสั่งหลายตัวเช่น mesh deform , shrink warp
เนื่องจากมันสามารถปรับแต่งลวดลายได้ค่อนข้างมาก
แต่ถ้าหากใช้มันอย่างชำนาญได้แล้ว จะสามารถประยุกต์ใช้กับงานอื่นๆได้หลายแบบ
อีกทั้งยังนำไปใช้เชิงพาณิชย์ได้ เนื่องจากเป็นโปรแกรม opensource
รับชมขั้นตอนการใช้งานคำสั่ง shrink warp และ mesh deform ได้ตาม link นี้
https://www.youtube.com/watch?v=zUxjbsiTmjs&t=1s
Tuesday, June 4, 2019
Wednesday, May 29, 2019
การหาความเร็วลม
ในการยิงเป้าหมายในระยะทางไกลๆ ค่าความเร็วลมจะมีผลต่อจุดตกของกระสุนมาก ในบทความนี้จะสอนเรื่องการหาความเร็วของลมในกรณีที่ไม่มี windmeter
ก่อนที่จะเริ่มบทเรียนนี้ ควรอ่านบทความเรื่อง องศาของลม Full value และ Half value เสียก่อน
ในการหาค่าความเร็วลมนอกจากจะใช้ windmeter แล้วยังสามารถหาความเร็วด้วยการสังเกตสิ่งรอบๆตัวเช่น ควัน การเคลื่อนไหวของใบไม้ หรือแม้กระทั่ง ภาพ mirage
การหาความเร็วลมโดยการสังเกตสิ่งต่างๆรอบตัว
- ความเร็ว 1 -3 mph ควันเคลื่อนที่ไปตามทางลม ใบไม้และใบหญ้ากระดิก
- ความเร็ว 4 -7 mph รู้สึกได้ว่ามีลมพัดมาโดนร่างกาย ได้ยินเสียงใบไม้เคลื่อนไหว ต้นหญ้าเคลื่อนไหว
- ความเร็ว 8 -12 mph ก้านของใบไม้และยอดไม้เคลื่อนไหว กระดาษเคลื่อนที่
- ความเร็ว 13 -18 mph กิ่งขนาดเล็กเคลื่อนไหว ฝุ่นและกระดาษฟุ่งกระจาย
- ความเร็ว 19 -24 mph กิ่งใหญ่ของต้นไม้และต้นไม้ขนาดเล็กเริ่มเคลื่อนไหว มีกลุ่มของฝุ่นพัดกระจาย
- ความเร็ว 25 -31 mph กิ่งใหญ่ของต้นไม้เคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง ได้ยินเสียงสมพัดเหมือนกับการเป่าลมออกจากปาก
- ความเร็ว 32+ mph ต้นไม้เคลื่อนไหวตามแรงลม และรู้สึกว่าเดินลำบาก
การหาความเร็วลมโดยการสังเกตองศาของธง
ความเร็วลม mph = องศาของธง
4
นอกจากนี้ยังสามารถหาความเร็วลมและทิศทางลมได้จากภาพ mirage ซึ่งจะสอนในความความถัดไปเนื่องจาก mirage มีเนื้อหาค่อนข้างเยอะและต้องสอนอย่างละเอียด
ก่อนที่จะเริ่มบทเรียนนี้ ควรอ่านบทความเรื่อง องศาของลม Full value และ Half value เสียก่อน
ในการหาค่าความเร็วลมนอกจากจะใช้ windmeter แล้วยังสามารถหาความเร็วด้วยการสังเกตสิ่งรอบๆตัวเช่น ควัน การเคลื่อนไหวของใบไม้ หรือแม้กระทั่ง ภาพ mirage
การหาความเร็วลมโดยการสังเกตสิ่งต่างๆรอบตัว
- ความเร็ว 1 -3 mph ควันเคลื่อนที่ไปตามทางลม ใบไม้และใบหญ้ากระดิก
- ความเร็ว 4 -7 mph รู้สึกได้ว่ามีลมพัดมาโดนร่างกาย ได้ยินเสียงใบไม้เคลื่อนไหว ต้นหญ้าเคลื่อนไหว
- ความเร็ว 8 -12 mph ก้านของใบไม้และยอดไม้เคลื่อนไหว กระดาษเคลื่อนที่
- ความเร็ว 13 -18 mph กิ่งขนาดเล็กเคลื่อนไหว ฝุ่นและกระดาษฟุ่งกระจาย
- ความเร็ว 19 -24 mph กิ่งใหญ่ของต้นไม้และต้นไม้ขนาดเล็กเริ่มเคลื่อนไหว มีกลุ่มของฝุ่นพัดกระจาย
- ความเร็ว 25 -31 mph กิ่งใหญ่ของต้นไม้เคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง ได้ยินเสียงสมพัดเหมือนกับการเป่าลมออกจากปาก
- ความเร็ว 32+ mph ต้นไม้เคลื่อนไหวตามแรงลม และรู้สึกว่าเดินลำบาก
การหาความเร็วลมโดยการสังเกตองศาของธง
ความเร็วลม mph = องศาของธง
4
นอกจากนี้ยังสามารถหาความเร็วลมและทิศทางลมได้จากภาพ mirage ซึ่งจะสอนในความความถัดไปเนื่องจาก mirage มีเนื้อหาค่อนข้างเยอะและต้องสอนอย่างละเอียด
Wednesday, April 17, 2019
องศาของลม Full value และ Half value
ในบทความที่แล้วได้อธิบายเกี่ยวกับลม ว่ามีผลอย่างไรกับ BALLISTIC ของกระสุน ในบทความนี้จะอธิบายเกี่ยวกับองศาของลม
ก่อนจะอ่านบทความเรื่องนี้ควรอ่านบทความเรื่องการคำนวณลมตาม link นี้ก่อน https://gncarver-man.blogspot.com/2019/03/ffp-moa.html
องศาของลม
องศาของลมนั้นมีผลกับ BALLISTIC ของกระสุนมากพอๆกับความเร็วลม และยังเป็นสิ่งที่พลแม่นปืน
จำเป็นต้องรู้ โดยสูตรคำนวณด้านล่างเป็นสูตรแบบง่ายๆและเหมาะกับการใช้งานแบบคร่าวๆและรวดเร็ว
ลองจินตนาการว่าตัวเราเองอยู่กึ่งกลางของนาฬิกา ด้านหน้าเป็นเลข 12 ด้านหลังเป็นเลข 6 ตามภาพ
ก่อนจะอ่านบทความเรื่องนี้ควรอ่านบทความเรื่องการคำนวณลมตาม link นี้ก่อน https://gncarver-man.blogspot.com/2019/03/ffp-moa.html
องศาของลม
องศาของลมนั้นมีผลกับ BALLISTIC ของกระสุนมากพอๆกับความเร็วลม และยังเป็นสิ่งที่พลแม่นปืน
จำเป็นต้องรู้ โดยสูตรคำนวณด้านล่างเป็นสูตรแบบง่ายๆและเหมาะกับการใช้งานแบบคร่าวๆและรวดเร็ว
ลองจินตนาการว่าตัวเราเองอยู่กึ่งกลางของนาฬิกา ด้านหน้าเป็นเลข 12 ด้านหลังเป็นเลข 6 ตามภาพ
หากทิศทางลมพัดมาทางด้านเลข 3 และ 9 จะเรียกว่า Full value หรือหมายความว่าลมมีผลเต็มที่
หลังจากที่เรารู้ MOA ของลมที่มีผลต่อกระสุนแล้ว ไม่ต้องนำผลลัพธ์มาหาร
ยกตัวอย่าง
ระยะทาง 800 เมตร ความเร็วลม 10 mph ทิศ 9 นาฬิกา จะได้
8 x 10 = 6.15 MOA เล็งเผื่อหรือปรับศูนย์ตามทางลม 6.15 MOA
8 x 10 = 6.15 MOA เล็งเผื่อหรือปรับศูนย์ตามทางลม 6.15 MOA
13
หากทิศทางลมพัดมาทางด้านเลข 1,2,4,5,7,8,10 และ 11 จะเรียกว่า Half value
หรือหมายความว่าลมมีผลเพียงแค่ครึ่งเดียวหลังจากที่เรารู้ MOA ของลมที่มีผลต่อกระสุนแล้ว ต้องนำผลลัพธ์มาหาร 2
ยกตัวอย่าง
ระยะทาง 800 เมตร ความเร็วลม 10 mph ทิศ 2 นาฬิกา จะได้
8 x 10 x 1 = 3.07 MOA เล็งเผื่อหรือปรับศูนย์ตามทางลม 3.07 MOA
8 x 10 x 1 = 3.07 MOA เล็งเผื่อหรือปรับศูนย์ตามทางลม 3.07 MOA
13 2
สูตรข้างต้นอาจจะใช้กับปืนหรือกระสุนได้ไม่ครอบคลุมทุกประเภทเนื่องจากสูตรนี้ใช้กับปืน M24 ที่ใช้กระสุนชนิด M80 และ M118
แต่หลักการคำนวณนั้นเหมือนกันผมจึงยกตัวอย่างเพื่อให้ผู้อ่านสามารถนำไปประยุกต์ใช้กับปืนของตนเองได้
สูตรข้างต้นอาจจะใช้กับปืนหรือกระสุนได้ไม่ครอบคลุมทุกประเภทเนื่องจากสูตรนี้ใช้กับปืน M24 ที่ใช้กระสุนชนิด M80 และ M118
แต่หลักการคำนวณนั้นเหมือนกันผมจึงยกตัวอย่างเพื่อให้ผู้อ่านสามารถนำไปประยุกต์ใช้กับปืนของตนเองได้
Thursday, March 28, 2019
การคำนวณลมด้วยศูนย์เล็งกล้อง FFP แบบ MOA
ก่อนจะเข้าสู่บทเรียนเรื่องลม ผู้อ่านคนไหนยังไม่ได้อ่านเรื่องการใช้ศูนย์เล็งกล้อง FFP แบบ MOA
ให้ไปอ่านบทความตามลิ้งนี้ก่อน จึงจะเข้าสู่บทความเรื่องลม
https://gncarver-man.blogspot.com/2019/03/moa.html
ในการคำนวณลมนั้น มันไม่มีสูตรในการคำนวณที่ตายตัว เนื่องจากมีปัจจัยหลายอย่างมาเกี่ยวข้อง
จนไม่สามารถคำนวณสูตรตายตัวได้ เช่น น้ำหนักของกระสุน ระยะหมุนครบรอบของเกลียวในลำกล้อง ความเร็วต้นของกระสุน
พลปืนแต่ละคนอาจจะมีสูตรที่คิดขึ้นมาเองโดยไม่ซ้ำกับใครก็มี
ในบทความนี้จะยกตัวอย่างแบบคร่าวๆ เพื่อให้ทุกคนนำไปประยุกต์ใช้ได้สะดวก
Ballistic chart ของกระสุน .308 Winchester น้ำหนัก 168 grain
ในช่อง Windage (in) จะมีค่าตัวเลขที่ต่างกันในแต่ละระยะทาง ค่าในช่องนี้หมายถึง
จุดตกของกระสุนที่เบี่ยงเบนออกจากเป้าเนื่องจากกระแสลม
ในตารางด้านบนมันค่อนข้างสะดวกเนื่องจากมันคำนวณจุดตกให้เรียบร้อยแล้ว
ที่เหลือก็แค่ปรับศูนย์ หรือ เล็งเผื่อตามค่าในตารางเท่านั้น
ระยะทางในหน่วย 100 หลา x ค่าเบี่ยงเบนกระสุนที่ความเร็วลม 1 mph (หน่วยเป็นนิ้ว) = ระยะที่กระสุนเบนออกจากเป้า ( หน่วยเป็นนิ้ว )
อธิบายสูตรด้านบน
- ระยะทางในหน่วย 100 หลา คือ เลขหน้าของระยะทาง เช่น ระยะ 800 หลา มีค่าเป็น 8 , ระยะทาง 1100 หลามีค่าเป็น 11
- ค่าเบี่ยงเบนกระสุนที่ความเร็วลม 1 mph (หน่วยเป็นนิ้ว) คือ ระยะที่กระสุนถูกลมความเร็ว 1 mhp
พัดออกจากเป้าในระยะทางต่างๆแล้ววัดออกมาเป็นหน่วยนิ้ว
ค่านี้ในกระสุนแต่ละชนิดมีไม่เท่ากัน และ ในแต่ละระยะทางก็มีอัตราส่วนไม่เท่ากัน
ยิ่งไกลมากยิ่งมีค่ามากตามไปด้วย วิธีหาค่าสามารถหาได้จากเว็บคำนวณ Ballistic chart
เนื่องจากสูตรคำนวณลมของกระสุนแต่ละชนิดไม่เหมือนกัน ผมจะยกตัวอย่างสูตรของกระสุน M80
ตาม *FM 3-05.222 (TC 31-32) Special Forces Sniper Training and Employment
ระยะทางในหน่วย 100 เมตร x ความเร็วลมที่มีหน่วยเป็น mph = MOA ของลม
ค่าแปรผันตามระยะทาง
ระยะทาง 100 - 500 เมตร ค่าแปรผันตามระยะทาง มีค่าเท่ากับ 15
ระยะทาง 600 เมตร ค่าแปรผันตามระยะทาง มีค่าเท่ากับ 14
นอกจากการคำนวณลมแล้วยังต้องคำนวณทิศทางของลมที่พัดมาอีก
ผมจะเขียนเรื่องทิศทางและการวัดความเร็วลมในบทความต่อไป
ให้ไปอ่านบทความตามลิ้งนี้ก่อน จึงจะเข้าสู่บทความเรื่องลม
https://gncarver-man.blogspot.com/2019/03/moa.html
ในการคำนวณลมนั้น มันไม่มีสูตรในการคำนวณที่ตายตัว เนื่องจากมีปัจจัยหลายอย่างมาเกี่ยวข้อง
จนไม่สามารถคำนวณสูตรตายตัวได้ เช่น น้ำหนักของกระสุน ระยะหมุนครบรอบของเกลียวในลำกล้อง ความเร็วต้นของกระสุน
พลปืนแต่ละคนอาจจะมีสูตรที่คิดขึ้นมาเองโดยไม่ซ้ำกับใครก็มี
ในบทความนี้จะยกตัวอย่างแบบคร่าวๆ เพื่อให้ทุกคนนำไปประยุกต์ใช้ได้สะดวก
Ballistic chart ของกระสุน .308 Winchester น้ำหนัก 168 grain
Range | Elevation | Elevation | Windage | Windage | Time | Energy | Vel[x+y] |
(yd) | (in) | (MOA) | (in) | (MOA) | (s) | (ft.lbf) | (ft/s) |
0 | -1.50 | 0.00 | 0.03 | 0.00 | 0.00 | 2720 | 2700 |
25 | -0.64 | 2.45 | 0.08 | 0.29 | 0.03 | 2625 | 2652 |
50 | -0.10 | 0.20 | 0.21 | 0.40 | 0.06 | 2533 | 2605 |
75 | 0.11 | -0.15 | 0.43 | 0.55 | 0.09 | 2443 | 2559 |
100 | 0.00 | 0.00 | 0.75 | 0.72 | 0.12 | 2356 | 2513 |
125 | -0.45 | 0.35 | 1.16 | 0.89 | 0.15 | 2272 | 2468 |
150 | -1.27 | 0.81 | 1.67 | 1.06 | 0.18 | 2190 | 2423 |
175 | -2.45 | 1.34 | 2.29 | 1.25 | 0.21 | 2110 | 2378 |
200 | -4.02 | 1.92 | 3.00 | 1.43 | 0.24 | 2032 | 2334 |
225 | -5.99 | 2.54 | 3.82 | 1.62 | 0.27 | 1957 | 2290 |
250 | -8.37 | 3.19 | 4.75 | 1.81 | 0.30 | 1884 | 2247 |
275 | -11.18 | 3.88 | 5.80 | 2.01 | 0.34 | 1813 | 2204 |
300 | -14.44 | 4.59 | 6.95 | 2.21 | 0.37 | 1744 | 2162 |
325 | -18.16 | 5.33 | 8.23 | 2.42 | 0.41 | 1677 | 2120 |
350 | -22.37 | 6.10 | 9.63 | 2.63 | 0.44 | 1612 | 2079 |
375 | -27.08 | 6.89 | 11.16 | 2.84 | 0.48 | 1549 | 2038 |
400 | -32.31 | 7.71 | 12.81 | 3.06 | 0.52 | 1488 | 1997 |
425 | -38.09 | 8.56 | 14.60 | 3.28 | 0.56 | 1429 | 1957 |
450 | -44.44 | 9.43 | 16.53 | 3.51 | 0.59 | 1372 | 1918 |
475 | -51.37 | 10.33 | 18.59 | 3.74 | 0.63 | 1317 | 1879 |
500 | -58.93 | 11.25 | 20.80 | 3.97 | 0.67 | 1264 | 1841 |
จุดตกของกระสุนที่เบี่ยงเบนออกจากเป้าเนื่องจากกระแสลม
ในตารางด้านบนมันค่อนข้างสะดวกเนื่องจากมันคำนวณจุดตกให้เรียบร้อยแล้ว
ที่เหลือก็แค่ปรับศูนย์ หรือ เล็งเผื่อตามค่าในตารางเท่านั้น
นอกจากดูตาม Ballistic chart เราสามารถใช้สูตรคำนวณคร่าวๆได้ตามนี้
ระยะทางในหน่วย 100 หลา x ค่าเบี่ยงเบนกระสุนที่ความเร็วลม 1 mph (หน่วยเป็นนิ้ว) = ระยะที่กระสุนเบนออกจากเป้า ( หน่วยเป็นนิ้ว )
อธิบายสูตรด้านบน
- ระยะทางในหน่วย 100 หลา คือ เลขหน้าของระยะทาง เช่น ระยะ 800 หลา มีค่าเป็น 8 , ระยะทาง 1100 หลามีค่าเป็น 11
- ค่าเบี่ยงเบนกระสุนที่ความเร็วลม 1 mph (หน่วยเป็นนิ้ว) คือ ระยะที่กระสุนถูกลมความเร็ว 1 mhp
พัดออกจากเป้าในระยะทางต่างๆแล้ววัดออกมาเป็นหน่วยนิ้ว
ค่านี้ในกระสุนแต่ละชนิดมีไม่เท่ากัน และ ในแต่ละระยะทางก็มีอัตราส่วนไม่เท่ากัน
ยิ่งไกลมากยิ่งมีค่ามากตามไปด้วย วิธีหาค่าสามารถหาได้จากเว็บคำนวณ Ballistic chart
เนื่องจากสูตรคำนวณลมของกระสุนแต่ละชนิดไม่เหมือนกัน ผมจะยกตัวอย่างสูตรของกระสุน M80
ตาม *FM 3-05.222 (TC 31-32) Special Forces Sniper Training and Employment
ระยะทางในหน่วย 100 เมตร x ความเร็วลมที่มีหน่วยเป็น mph = MOA ของลม
ค่าแปรผันตามระยะทาง
ระยะทาง 100 - 500 เมตร ค่าแปรผันตามระยะทาง มีค่าเท่ากับ 15
ระยะทาง 600 เมตร ค่าแปรผันตามระยะทาง มีค่าเท่ากับ 14
ระยะทาง 700 - 800 เมตร ค่าแปรผันตามระยะทาง มีค่าเท่ากับ 13
ระยะทาง 900 เมตร ค่าแปรผันตามระยะทาง มีค่าเท่ากับ 12
ระยะทาง 1000 เมตร ค่าแปรผันตามระยะทาง มีค่าเท่ากับ 11
ยกตัวอย่าง ระยะทาง 800 เมตร ความเร็วลม 10 mph จะได้
8 x 10 = 6.15 MOA เล็งเผื่อหรือปรับศูนย์ตามทางลม 6.15 MOA
ระยะทาง 900 เมตร ค่าแปรผันตามระยะทาง มีค่าเท่ากับ 12
ระยะทาง 1000 เมตร ค่าแปรผันตามระยะทาง มีค่าเท่ากับ 11
ยกตัวอย่าง ระยะทาง 800 เมตร ความเร็วลม 10 mph จะได้
8 x 10 = 6.15 MOA เล็งเผื่อหรือปรับศูนย์ตามทางลม 6.15 MOA
13
นอกจากการคำนวณลมแล้วยังต้องคำนวณทิศทางของลมที่พัดมาอีก
ผมจะเขียนเรื่องทิศทางและการวัดความเร็วลมในบทความต่อไป
Sunday, March 24, 2019
การยิงปืนด้วยศูนย์เล็งกล้อง FFP แบบ MOA ในระยะไกล
ก่อนที่เราจะพูดถึงการใช้งานศูนย์เล็งกล้องแบบ MOA เราควรจะรู้ก่อนว่า crosshair ในศูนย์เล็งกล้องที่ถูกใช้ในกองทัพและการล่าสัตว์นั้นหลักๆก็มี 2 ชนิดคือ MILDOT , MOA ยังมีตัวอื่นอีกแต่ผมจะยกตัวอย่างให้ง่ายๆ และสามารถนำไปปรับใช้กับศูนย์เล็งกล้องชนิดต่างๆได้
MOA คืออะไร
MOA นั้นย่อมาจาก minute of angle ซึ่งถ้าจะให้เข้าใจง่ายๆ มันก็คือหน่วยย่อยขององศาที่เราเรียนกันในวิชาคณิตศาสตร์นั่นแหละ หลายคนอาจสงสัยว่า minute มันแปลว่านาทีมันเกี่ยวอะไรกับองศา
ให้คิดว่า 1 นาทีมีค่าเท่ากับ 60 วินาที MOA ก็เช่นกัน 1 MOA มีค่าเท่ากับ 1 องศาหารด้วย 60
หรือเอาที่เข้าใจง่ายๆ 1 องศาจะมี 60 MOA เขาถึงเรียกว่า minute of angle
มีคนถามผมมาว่าทำไมองศาในคณิตศาสตร์ถึงเกี่ยวกับการใช้ศูนย์เล็งกล้องผมจึงจำเป็นต้องอธิบายหลักการขีปณวิถีให้เข้าใจว่าองศาที่เปลี่ยนไปนั้นมีผลต่อระยะทางของกระสุน
ทุกคนรู้ว่าโลกเรามีแรงดึงดูด เมื่อเราขว้างก้อนหินออกไปจะตกลงพื้นแบบการเคลื่อนที่ Projectile
หรือเคลื่อนที่แบบโค้งลงนั่นแหละครับ ปืนก็เช่นกันเมื่อยิงไปแล้วกระสุนจะโค้งลงพื้นเนื่องจากแรงดึงดูด
ถ้าหากเราเงยองศาของลำกล้องปืนขึ้นกระสุนจะยิงไปได้ไกลกว่าเดิม ไกลที่สุดประมาณ 45 องศา ถ้ามากกว่านั้นระยะทางจะค่อยๆลดลง
เมื่ออ่านมาถึงบรรทัดนี้เราก็มาเข้าเนื้อหากันเลย ถ้าใครยังไม่เข้าใจบรรทัดด้านบนก็กลับไปอ่านจนกว่าจะเข้าใจเพราะหลังจากนี้จะเป็นการสอนคำนวณล้วนๆเลย
อย่างที่กล่าวไปกระสุนเดินทางเป็นเส้นโค้งเมื่อเรายิงเป้าหมายที่เกินระยะ zero distance มันจึงตกลงต่ำกว่าเป้า แล้วเราจะรู้ได้ยังไงว่าปืนและกระสุนที่เราใช้อยู่นั้นมีขีปณวิถีเป็นอย่างไร คำตอบก็คือ เราต้องคำนวณค่า Ballisctic chart แต่เราไม่จำเป็นต้องคำนวณเองพวกฝรั่งเขาทำเว็บคำนวณให้เราแล้วลองค้นหาคำว่า Ballistic Calculators เน็ตดู ค่า Ballistic นั้นจะต้องใช้ความเร็วต้นของกระสุนมาคำนวณและยังมีรายละเอียดยิบย่อยอย่างเช่น ทรงของกระสุน ลม ความชื้น ค่า bullet spin drift น้ำหนักกระสุน องศาที่ยิงบนที่สูงหรือต่ำกว่าเป้าหมาย และอีกมากมายเดี๋ยวผมจะอธิบายทีหลังในตอนนี้มาทำความเข้าใจการปรับศูนย์ก่อน
เมื่อเรามองเข้าไปในศูนย์เล็งกล้องแบบ MOA เราจะเห็นว่ามีขีดเหมือนไม้บรรทัด 1 ช่องมีค่าเท่ากับ 1 MOA หรือกล้องบางรุ่นอาจจะมีค่าเท่ากับ 2 MOA หรือมากน้อยกว่านั้นก็แล้วแต่คนออกแบบ
MOA ด้านล่างและบนใช้วัดจุดตกกระสุน MOA ด้านซ้ายและขวาใช้แก้ทางลม (เดี๊ยวผมจะเขียนบทความอธิบายเรื่องลมภายหลัง )
นอกจากจะใช้แก้จุดตกกระสุนแล้ว MOA ยังใช้วัดระยะทางเป้าหมาย ความสูงเป้าหมาย ได้อีกด้วย
ถ้าหากเราใช้ MOA วัดความสูงที่เป้า ทุกคนจำเป็นต้องรู้ว่า 1 MOA ที่ระยะทาง 100 หลา ( อย่าจำสับสนกับเมตรเด็ดขาด ) มีค่าเท่ากับ 1.047 นิ้ว หรือถ้าจะให้คำนวณง่ายเขาจะตัดเศษออก เป็น 1 นิ้วแทน ถ้าไม่เชื่อลองเอาไม้บรรทัดขีดเส้นบนกระดาษช่องละ 1 นิ้วไปตั้งที่ระยะห่างจากตนเอง 100 หลาดูแล้วส่อง 1 ช่อง MOA จะเท่ากับ 1 นิ้วพอดี
แต่ถ้าหากระยะไกลกว่านั้น 1 MOA จะมีค่าที่มากกว่า 1 นิ้วตามตารางด้านล่าง
มันก็คือวิชาคณิตศาสตร์เรื่องสามเหลี่ยมคล้ายดีๆนี่เอง
ต่อมาเป็นการอธิบายการเล็งชดเชยจุดตกของกระสุนโดยมีแค่การคำนวณแรงดึงดูดเพียงอย่างเดียวและไม่มีปัจจัยอื่นๆมาใช้ในการคำนวณ
ผมขอยกตัวอย่างค่า Ballistic chart ของกระสุน .308 Winchester น้ำหนัก 168 grain
Elevation คือ ค่าของจุดตกกระสุนที่แรงดึงดูดกระทำต่อกระสุนในแนวพุ่งเข้าหาจุดศูนย์กลางแรงดึงดูดหรือพูดง่ายๆก็คือ ค่ากระสุนตกจาก zero distance ระยะยิ่งมากยิ่งตกลงมาก
ดูแค่ช่อง Elevation ( in ) ก่อน ช่องอื่นจะสอนในบทความต่อไป จะเห็นว่า ที่ระยะ 100 หลา ช่อง Elevation มีค่าเท่ากับ 0 หรือก็คือ เรา zero distance ไว้ที่ระยะนี้ เลื่อนลงมาเรื่อยจนถึงระยะ 200 หลา จะเห็นว่ามีค่าเท่ากับ -4.02 นิ้ว หรือก็คือกระสุนตกลงจากเป้าที่เล็ง 4.02 นิ้ว ถ้าจะยิงให้ตรงเป้าต้องเล็งสูงขึ้นอีก 4.02 นิ้ว เอาง่ายๆ เอาเป็น 4 นิ้วก็แล้วกัน แล้วเราจะรู้ได้ยังไงว่าระยะ MOA เท่าไหร่มีค่าเท่ากับ 4 นิ้ว ให้ย้อนกลับไปดูตาราง Size of MOA ด้านบนจะเห็นว่าที่ระยะ 200 หลา 1 ช่อง MOA มีค่าเท่ากับ 2 นิ้ว ถ้าเราต้องเล็งเผื่อ 4 นิ้วจะต้องใช้กี่ MOA ลองคำนวณดู
คำตอบคือ 2 MOA ลองดูในช่อง Elevation ( moa ) จะเห็นว่าช่องนี้ที่ 200 หลา เท่ากับ 1.92 ใกล้เคียงกับ 2 ไหม ที่ไม่ตรงกันเพราะว่าในตารางใช้ 1 MOA ที่ระยะ 100 หลามีค่าเท่ากับ 1.047 ตามที่กล่าวไว้ข้างต้น ลองคำนวณแบบไม่ตัดเศษออกดู จะได้ 1.047 x 2 x 1.92 = 4.02048 ตรงเป๊ะ
อธิบายขยายความ ว่าตัวเลขมาจากไหน
1.047 มาจาก 1 MOA ที่ระยะ 100 หลา มีค่าเท่ากับ 1.047
2 มาจากระยะที่ต้องการยิงที่ 200 หลา ตัดเอาแค่เลขด้านหน้ามา
( ตามสูตร ระยะตกของกระสุนตาม Ballistic chart ) = ระยะ MOA ชดเชย
1.047 x เลขหน้าของระยะเป้าหมาย
1.92 มาจากค่า Elevation ( moa ) ตามตาราง Ballistic chart
ผมจะยกตัวอย่างการยิงที่ระยะ 500 หลาแล้วลองคำนวณดูเพื่อให้เข้าใจมากขึ้น
ตามสูตร ระยะตกของกระสุนตาม Ballistic chart = ระยะ MOA ชดเชย
1.047 x เลขหน้าของระยะเป้าหมาย
จะได้ 58.93 = 11.25692
1.047 x 5
ในตารางเขียนค่า 11.25 หรือก็คือเล็งเผื่อ 11.25 ช่อง MOA นั่นเอง
MOA คืออะไร
MOA นั้นย่อมาจาก minute of angle ซึ่งถ้าจะให้เข้าใจง่ายๆ มันก็คือหน่วยย่อยขององศาที่เราเรียนกันในวิชาคณิตศาสตร์นั่นแหละ หลายคนอาจสงสัยว่า minute มันแปลว่านาทีมันเกี่ยวอะไรกับองศา
ให้คิดว่า 1 นาทีมีค่าเท่ากับ 60 วินาที MOA ก็เช่นกัน 1 MOA มีค่าเท่ากับ 1 องศาหารด้วย 60
หรือเอาที่เข้าใจง่ายๆ 1 องศาจะมี 60 MOA เขาถึงเรียกว่า minute of angle
มีคนถามผมมาว่าทำไมองศาในคณิตศาสตร์ถึงเกี่ยวกับการใช้ศูนย์เล็งกล้องผมจึงจำเป็นต้องอธิบายหลักการขีปณวิถีให้เข้าใจว่าองศาที่เปลี่ยนไปนั้นมีผลต่อระยะทางของกระสุน
ทุกคนรู้ว่าโลกเรามีแรงดึงดูด เมื่อเราขว้างก้อนหินออกไปจะตกลงพื้นแบบการเคลื่อนที่ Projectile
หรือเคลื่อนที่แบบโค้งลงนั่นแหละครับ ปืนก็เช่นกันเมื่อยิงไปแล้วกระสุนจะโค้งลงพื้นเนื่องจากแรงดึงดูด
ถ้าหากเราเงยองศาของลำกล้องปืนขึ้นกระสุนจะยิงไปได้ไกลกว่าเดิม ไกลที่สุดประมาณ 45 องศา ถ้ามากกว่านั้นระยะทางจะค่อยๆลดลง
เมื่ออ่านมาถึงบรรทัดนี้เราก็มาเข้าเนื้อหากันเลย ถ้าใครยังไม่เข้าใจบรรทัดด้านบนก็กลับไปอ่านจนกว่าจะเข้าใจเพราะหลังจากนี้จะเป็นการสอนคำนวณล้วนๆเลย
อย่างที่กล่าวไปกระสุนเดินทางเป็นเส้นโค้งเมื่อเรายิงเป้าหมายที่เกินระยะ zero distance มันจึงตกลงต่ำกว่าเป้า แล้วเราจะรู้ได้ยังไงว่าปืนและกระสุนที่เราใช้อยู่นั้นมีขีปณวิถีเป็นอย่างไร คำตอบก็คือ เราต้องคำนวณค่า Ballisctic chart แต่เราไม่จำเป็นต้องคำนวณเองพวกฝรั่งเขาทำเว็บคำนวณให้เราแล้วลองค้นหาคำว่า Ballistic Calculators เน็ตดู ค่า Ballistic นั้นจะต้องใช้ความเร็วต้นของกระสุนมาคำนวณและยังมีรายละเอียดยิบย่อยอย่างเช่น ทรงของกระสุน ลม ความชื้น ค่า bullet spin drift น้ำหนักกระสุน องศาที่ยิงบนที่สูงหรือต่ำกว่าเป้าหมาย และอีกมากมายเดี๋ยวผมจะอธิบายทีหลังในตอนนี้มาทำความเข้าใจการปรับศูนย์ก่อน
เมื่อเรามองเข้าไปในศูนย์เล็งกล้องแบบ MOA เราจะเห็นว่ามีขีดเหมือนไม้บรรทัด 1 ช่องมีค่าเท่ากับ 1 MOA หรือกล้องบางรุ่นอาจจะมีค่าเท่ากับ 2 MOA หรือมากน้อยกว่านั้นก็แล้วแต่คนออกแบบ
MOA ด้านล่างและบนใช้วัดจุดตกกระสุน MOA ด้านซ้ายและขวาใช้แก้ทางลม (เดี๊ยวผมจะเขียนบทความอธิบายเรื่องลมภายหลัง )
นอกจากจะใช้แก้จุดตกกระสุนแล้ว MOA ยังใช้วัดระยะทางเป้าหมาย ความสูงเป้าหมาย ได้อีกด้วย
ถ้าหากเราใช้ MOA วัดความสูงที่เป้า ทุกคนจำเป็นต้องรู้ว่า 1 MOA ที่ระยะทาง 100 หลา ( อย่าจำสับสนกับเมตรเด็ดขาด ) มีค่าเท่ากับ 1.047 นิ้ว หรือถ้าจะให้คำนวณง่ายเขาจะตัดเศษออก เป็น 1 นิ้วแทน ถ้าไม่เชื่อลองเอาไม้บรรทัดขีดเส้นบนกระดาษช่องละ 1 นิ้วไปตั้งที่ระยะห่างจากตนเอง 100 หลาดูแล้วส่อง 1 ช่อง MOA จะเท่ากับ 1 นิ้วพอดี
แต่ถ้าหากระยะไกลกว่านั้น 1 MOA จะมีค่าที่มากกว่า 1 นิ้วตามตารางด้านล่าง
มันก็คือวิชาคณิตศาสตร์เรื่องสามเหลี่ยมคล้ายดีๆนี่เอง
ต่อมาเป็นการอธิบายการเล็งชดเชยจุดตกของกระสุนโดยมีแค่การคำนวณแรงดึงดูดเพียงอย่างเดียวและไม่มีปัจจัยอื่นๆมาใช้ในการคำนวณ
ผมขอยกตัวอย่างค่า Ballistic chart ของกระสุน .308 Winchester น้ำหนัก 168 grain
Range | Elevation | Elevation | Windage | Windage | Time | Energy | Vel[x+y] |
(yd) | (in) | (MOA) | (in) | (MOA) | (s) | (ft.lbf) | (ft/s) |
0 | -1.50 | 0.00 | 0.03 | 0.00 | 0.00 | 2720 | 2700 |
25 | -0.64 | 2.45 | 0.08 | 0.29 | 0.03 | 2625 | 2652 |
50 | -0.10 | 0.20 | 0.21 | 0.40 | 0.06 | 2533 | 2605 |
75 | 0.11 | -0.15 | 0.43 | 0.55 | 0.09 | 2443 | 2559 |
100 | 0.00 | 0.00 | 0.75 | 0.72 | 0.12 | 2356 | 2513 |
125 | -0.45 | 0.35 | 1.16 | 0.89 | 0.15 | 2272 | 2468 |
150 | -1.27 | 0.81 | 1.67 | 1.06 | 0.18 | 2190 | 2423 |
175 | -2.45 | 1.34 | 2.29 | 1.25 | 0.21 | 2110 | 2378 |
200 | -4.02 | 1.92 | 3.00 | 1.43 | 0.24 | 2032 | 2334 |
225 | -5.99 | 2.54 | 3.82 | 1.62 | 0.27 | 1957 | 2290 |
250 | -8.37 | 3.19 | 4.75 | 1.81 | 0.30 | 1884 | 2247 |
275 | -11.18 | 3.88 | 5.80 | 2.01 | 0.34 | 1813 | 2204 |
300 | -14.44 | 4.59 | 6.95 | 2.21 | 0.37 | 1744 | 2162 |
325 | -18.16 | 5.33 | 8.23 | 2.42 | 0.41 | 1677 | 2120 |
350 | -22.37 | 6.10 | 9.63 | 2.63 | 0.44 | 1612 | 2079 |
375 | -27.08 | 6.89 | 11.16 | 2.84 | 0.48 | 1549 | 2038 |
400 | -32.31 | 7.71 | 12.81 | 3.06 | 0.52 | 1488 | 1997 |
425 | -38.09 | 8.56 | 14.60 | 3.28 | 0.56 | 1429 | 1957 |
450 | -44.44 | 9.43 | 16.53 | 3.51 | 0.59 | 1372 | 1918 |
475 | -51.37 | 10.33 | 18.59 | 3.74 | 0.63 | 1317 | 1879 |
500 | -58.93 | 11.25 | 20.80 | 3.97 | 0.67 | 1264 | 1841 |
ดูแค่ช่อง Elevation ( in ) ก่อน ช่องอื่นจะสอนในบทความต่อไป จะเห็นว่า ที่ระยะ 100 หลา ช่อง Elevation มีค่าเท่ากับ 0 หรือก็คือ เรา zero distance ไว้ที่ระยะนี้ เลื่อนลงมาเรื่อยจนถึงระยะ 200 หลา จะเห็นว่ามีค่าเท่ากับ -4.02 นิ้ว หรือก็คือกระสุนตกลงจากเป้าที่เล็ง 4.02 นิ้ว ถ้าจะยิงให้ตรงเป้าต้องเล็งสูงขึ้นอีก 4.02 นิ้ว เอาง่ายๆ เอาเป็น 4 นิ้วก็แล้วกัน แล้วเราจะรู้ได้ยังไงว่าระยะ MOA เท่าไหร่มีค่าเท่ากับ 4 นิ้ว ให้ย้อนกลับไปดูตาราง Size of MOA ด้านบนจะเห็นว่าที่ระยะ 200 หลา 1 ช่อง MOA มีค่าเท่ากับ 2 นิ้ว ถ้าเราต้องเล็งเผื่อ 4 นิ้วจะต้องใช้กี่ MOA ลองคำนวณดู
คำตอบคือ 2 MOA ลองดูในช่อง Elevation ( moa ) จะเห็นว่าช่องนี้ที่ 200 หลา เท่ากับ 1.92 ใกล้เคียงกับ 2 ไหม ที่ไม่ตรงกันเพราะว่าในตารางใช้ 1 MOA ที่ระยะ 100 หลามีค่าเท่ากับ 1.047 ตามที่กล่าวไว้ข้างต้น ลองคำนวณแบบไม่ตัดเศษออกดู จะได้ 1.047 x 2 x 1.92 = 4.02048 ตรงเป๊ะ
อธิบายขยายความ ว่าตัวเลขมาจากไหน
1.047 มาจาก 1 MOA ที่ระยะ 100 หลา มีค่าเท่ากับ 1.047
2 มาจากระยะที่ต้องการยิงที่ 200 หลา ตัดเอาแค่เลขด้านหน้ามา
( ตามสูตร ระยะตกของกระสุนตาม Ballistic chart ) = ระยะ MOA ชดเชย
1.047 x เลขหน้าของระยะเป้าหมาย
1.92 มาจากค่า Elevation ( moa ) ตามตาราง Ballistic chart
ผมจะยกตัวอย่างการยิงที่ระยะ 500 หลาแล้วลองคำนวณดูเพื่อให้เข้าใจมากขึ้น
ตามสูตร ระยะตกของกระสุนตาม Ballistic chart = ระยะ MOA ชดเชย
1.047 x เลขหน้าของระยะเป้าหมาย
จะได้ 58.93 = 11.25692
1.047 x 5
ในตารางเขียนค่า 11.25 หรือก็คือเล็งเผื่อ 11.25 ช่อง MOA นั่นเอง
Subscribe to:
Posts (Atom)
-
ก่อนที่เราจะพูดถึงการใช้งานศูนย์เล็งกล้องแบบ MOA เราควรจะรู้ก่อนว่า crosshair ในศูนย์เล็งกล้องที่ถูกใช้ในกองทัพและการล่าสัตว์นั้นหลักๆก็มี ...
-
ก่อนที่เราจะเริ่มกัดลายเชคเกอร์นั้นควรเตรียมความพร้อมในเรื่องของเครื่องมือเสียก่อน เครื่องมือนั้นอาจจะหายากในไทย ผมแนะนำให้สั่งเครื่องมือจา...